12/05/2007

หลวงปู่เหมือน นนฺทสร


ประวัติย่อหลวงปู่เหมือน นนฺทสร เจ้าอาวาส วัดนาวง (โรงหีบ) องค์ที่ 2 ต.หลักหก อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี

นามเดิม เหมือน เนียมน้อย ชาตะวันพุธเดือน 11 ปีมะโรง พ.ศ.2423 บุตรนายเนียม นางพ่วง ภูมิลำเนา บ้านบางพัง ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี


เมื่ออายุครบอุปสมบท ได้เข้าบรรพชาอุปสมบทในสำนักพระธรรมมนุสารี (สว่าง) วัดเทียนถวาย เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌายะ เจ้าอธิการเนตร วัดบางกฎีไทย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูธัญญะเขตต์ เขมากร (หลวงพ่อช้าง) วัดเขียนเขตต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ในสำนักพระ-ธรรมนุสารี วัดเทียนถวาย ผู้เป็นพระอุปัชฌายะ ได้ศึกษาเล่าเรียนในทางสมณกิจพอควรแก่กาลสมัยแล้ว ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ ณ ที่สำนักวัดโพธิ์ทองบน ได้อยู่แลช่วยเจ้าอาวาส(ท่านอาจารย์เล็ก) ปฏิบัติพระศาสนา และปฏิสังขรณ์อารามตลอดมา

ขณะนั้น ทางวัดนาวง (โรงหีบ) เจ้าอาวาส (พระอธิการชื่น) ได้มรณะภาพลง ขาดผู้ปกครองดูแลวัด พระธรรมานุสารี ผู้เป็นพระอุปัชฌายะได้เห็นอัธยาศัยอันดี ของท่าน (หลวงปู่เหมือน) จึงได้ส่งท่านให้ไปเป็นผู้ปกครองดูแลวัด ตั้งแต่ราวปี 2457 เป็นต้นมา

เมื่อท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้จัดการอบรมสั่งสอนภิกษุสามเณรและศิษย์ตลอดจนอุบาสกอุบาสิกาให้อยู่ในธรรมวินัยของแต่ละเพศ และได้ปฏิสังขรณ์ก่อสร้างกุฏิตลอดจนกระทั่งถนนหนทางภายในบริเวณวัดให้เป็นที่เจริญเรื่อยมา โดยความอุปถัมภ์ของ หลวง-นาวาเกนิกร (ซิวเม๋ง โปษยจินดา) ผู้เป็นเจ้าของจัดสร้างขึ้น อนึ่งวัดนี้เมื่อผู้เป็นเจ้าของสิ้นชีพไปแล้ว บุตรและธิดาก็ได้อุปถัมภ์เรื่อยมา แม้หลวงปู่เหมือนจะได้ปฏิสังขรณ์และก่อสร้างวัตถุสิ่งใดภายในวัด บุตรและธิดาของผู้เป็นเจ้าของก็ได้บริจาคทรัพย์ร่วมด้วยเป็นจำนวนมากดังที่ปรากฎอยู่ทุกวันนี้ เป็นต้นว่า ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ ถนนเทคอนกรีต และโรงเรียนประถมศึกษา สถานที่เหล่านี้สำเร็จขึ้นมาได้ก็เพราะว่า เกิดจากปัจจัยของหลวงปู่เหมือน และบุตร ธิดาของผู้เป็นเจ้าของตลอดกระทั่งศิษย์และท่านที่เคารพนับถือทั้งหลายด้วย

อนึ่ง หลวงปู่เหมือน เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้ตั้งอยู่ในคุณธรรม มีเมตตา กรุณา เป็นนิจต่อบุคคลและสัตว์ทั่วไปกอบด้วยท่านเป็นผู้มีวิชาทางไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ ได้ใช้วิชานี้รักษาบุคคลทุกเพศวัยที่ป่วยเป็นไข้มาหาท่านๆก็รักษาให้ด้วยจิตเมตตาโดยสม่ำเสมอ ไม่มีอคติ แต่ชีวิตของท่าน ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป เพราะเป็นธรรมดาของสังขารย่อมตกอยู่ในไตรลักษณ ต่อมาท่านก็ได้ เริ่มอาพาธเรื่อยๆมาแม้จะมีแพทย์ปัจจุบันและแผนโบราณที่ดีก็ไม่ทำให้ท่านหายได้ ท่านก็ได้ถึงแก่มรณภาพลงในคืนวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2502 เวลา 23.30 น. ด้วยอาการอันสงบ ที่วัดนาวง ต.หลักหก อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี ท่านได้อยู่ในสมณเพศ 59 พรรษา รวมอายุของท่านได้ 80 ปี

อ้างอิงจาก:
1. http://www.lokwannakadi.com
2. http://p.moohin.com